🌞 ช่วงนี้ตรงกับหน้าร้อน เป็นช่วงที่อุณหภูมิสูง แสงแดดแผดจ้า ไอระอุจากพื้นดินมาเต็มที่สุดในรอบปี ดังนั้นหลายบ้านคงเปิดแอร์เพื่อดับความร้อนของอากาศช่วงปลายมีนาต่อเดือนเมษาแบบนี้ แน่นอนว่ายิ่งช่วงนี้ทำงานที่บ้าน บวกกับตรงกับหน้าซัมเมอร์แบบนี้ค่าไฟต้องพุ่งกระฉูด 🔥🔥🔥
วิธีประหยัดคค่าไฟในช่วง Work from Home
💨 พยายามเปิดแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียส
– ควรเปิดเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น เพราะถ้าปรับอุณหภูมิให้ต่ำจะทำให้เราเปลืองค่าไฟเนื่องจากแอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้นนั่นเอง
🍃 ช่วงที่ไม่ร้อนมากควรเปิดพัดลม เปิดหน้าต่าง รับลมธรรมชาติ
-แนะนำให้เปิดพัดลมแทน ไม่ว่าจะเป็น พัดลมเพดาน พัดลมตั้งพื้น หรือพัดลมแบบอื่นๆ เพราะการเปิดพัดลมนั้นนอกจากจะทำให้เราเย็นสบายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกมากขึ้น
🔌 ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้
– หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าแค่กดปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้า ก็เท่ากับตัดกระแสไฟฟ้าไม่ให้ไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าได้แล้ว แต่ความเป็นจริง หากคุณปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ไม่ได้ถอดปลั๊กไฟ กระแสไฟฟ้าก็ยังคงไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ เพื่อเป็นการสแตนด์บายให้คุณกดเปิดสวิตช์ใช้งาน เครื่องใช้ไฟฟ้าอีกครั้งได้เลยทันที ฉะนั้นการถอดปลั๊กจึงเป็นวิธีตัดกระแสไฟฟ้าที่แน่นอนที่สุด โดยเฉพาะเหล่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ เมื่อไม่ใช้งานก็ควรต้องถอดปลั๊กทุกครั้งด้วย
🔅 ปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งาน
– ดวงไหนที่ไม่ใช้งานควรปิด ยิ่งช่วงกลางวันที่แสงอาทิตย์สว่าง แสงไฟแทบจะไม่จำเป็น หากโต๊ะทำงานของคุณอยู่ในมุมอับ ลองย้ายโต๊ะมายังบริเวณที่แสงธรรมชาติส่องถึง คุณจะได้ไม่ต้องเปลืองไฟเพราะต้องเปิดไฟในห้องนั่นเอง
💡ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์
– เป็นหลอดที่มีประสิทธิภาพแสงและอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้ หลอดฟลูออเรสเซนต์แท่งยาวที่ใช้แพร่หลายมีขนาด 36 วัตต์แต่ก็ยังมีหลอดแสงสว่างประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังมีหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (CFL) หรือหลอดตะเกียบชนิดให้สีของแสงออกมาเทียบเท่าร้อยละ 85 ของหลอดไส้ (ให้สีของแสงดีที่สุด) สำหรับใช้แทนหลอดไส้ช่วยประหยัดไฟ และอายุการใช้งานนานกว่า 8 เท่าของหลอดไส้ มี 2 แบบ คือแบบขั้วเกลียวกับขั้วเสียบ
👚 ซักรีดเสื้อผ้าหลายๆ ตัวในคราวเดียว
– การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนอย่างเตารีด จะกินไฟช่วงเวลาที่ทำให้เตารีดร้อน ดังนั้น การรีดผ้าครั้งละมากๆ จะช่วยประหยัดไฟ หากรีดผ้าทุกวันวันละชุด จะทำให้ค่าไฟเพิ่มเป็นเท่าตัว ส่วนเครื่องซักผ้านั้นก็กินไฟมากเช่นกัน ดังนั้นถ้าซักครั้งละน้อยชิ้นก็ดูจะไม่คุ้มเท่าไหร่ เปลืองทั้งน้ำเปลืองทั้งไฟ ดังนั้นเมื่อจะซักผ้าก็ควรรวม
ทีละหลายตัวแล้วซักทีเดียว
💻 แบตฯโน้ตบุ๊กเต็มแล้วก็ดึงปลั๊กออกบ้าง
– การทำงานด้วยการเสียบปลั๊กโน้ตบุ๊กตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงถ้าแบตเตอรี่ยังมี ก็สามารถถอดปลั๊กและทำงานได้ โดยเฉลี่ยแล้วโน้ตบูีกเครื่องหนึ่งจะสามารถใช้ได้โดยอาศัยแค่แบตเตอรี่ประมาณ 3-4 ชัวโมง ดังนั้นช่วงที่แบตฯ โน้ตบุ๊กยังไม่หมด ก็ดึงปลั๊กออกซะ คุณประหยัดไฟได้ประมาณ 3 ชั่วโมง และถ้ารวมเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน
ก็ดูประหยัดไฟไปได้พอสมควร
⌨️ ปิดคอมพิวเตอร์ช่วงพักและหลังใช้งาน หรือตั้งค่าปิดหน้าจออัตโนมัติ
– เปิด sleep mode คอมพิวเตอร์เมื่อถึงช่วงพัก การทำงานของโหมดนี้ จะหยุดทุกๆ การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งหมด หากเปิดใช้งานโปรแกรมใดๆ อยู่ก็ตาม โปรแกรมจะพักการทำงาน และเครื่องจะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน โดยจะจ่ายไฟให้อุปกรณ์ส่วนต่างๆ ภายในเครื่องน้อยลง โดยที่คุณจะสามารถกลับมาใช้งาน เปิดเครื่องทำงานต่อ ได้อย่างรวดเร็ว
🍲 ใช้เตาแก๊สต้มน้ำ ปรุงอาหารบ้าง ไม่ใช้แค่ไมโครเวฟ
– หลายคนน่าจะคุ้นกับการต้มน้ำ อุ่นอาหาร ประกอบอาหารด้วยไม่ชโครเวฟหรือกาต้มน้ำไฟฟ้า ซึ่งมันค่อนข้างสะดวกมากๆ แต่เมื่อเราอยู่บ้านทุกวนในช่วงนี้ แถมมีแนวโน้มต้องใช้ทุกวันด้วย ก็ดูจะเปลืองไฟมากไปหน่อย ดังนั้นหากที่บ้านสะดวกในการใช้เตาแก๊สหรือแก๊สหุงต้มก็น่าจะใช้ดู เพราะประหยดกว่า เวลาต้มน้ำทีก็ได้มาปริมาณที่มากกว่า
เตาไฟฟ้า
//ขอบคุณข้อมูลจาก moneyguru.co.th//