“น้ำมันเครื่อง”ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
4 วิธีเลือก และเช็คให้เหมาะกับรถยนต์ 🚘🚖
1️⃣ ดูจากบรรจุภัณฑ์
คอยสังเกตให้ดีว่าตัวขวดน้ำมันเครื่องนั้นยังมีสภาพที่ดีอยู่หรือเปล่า เช่น บุบ หรือว่าดูเก่ามากจนเกินไป หรือมีการเปิดใช้งานมาแล้ว เพราะแน่นอนว่าเราไม่รู้เลยหากเปิดใช้งานแล้ว จะมีมือดีเอาอะไรมาเติมลงไปแทนหรือไม่ แต่ต่อให้เป็นมันเครื่องแท้ อยู่ในลักษณะขวดบี้ บุบ ดูเก่า ก็ไม่น่าใช้เหมือนกัน เพราะอาจจะเป็นน้ำมันเครื่องที่เสื่อมคุณภาพแล้วก็ได้
2️⃣ ฉลากที่ขวด
ให้ตรวจสอบก่อนเลยว่า น้ำมันเครื่องที่จะนำมาเปลี่ยนถ่ายรถของเรานั้นมีฉลากที่ครบถ้วนหรือไม่ อาทิเช่น เป็นยี่ห้อ วัน เดือน ปี ที่ผลิต อีกทั้งในส่วนที่สำคัญชนิดขาดไม่ได้ นั่นก็คือเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าน้ำมันเครื่องที่มาใช้กับรถยนต์ของเรานั้นใช้ได้แน่นอน จะไม่ส่งผลให้เครื่องยนต์ของเราเสีย
3️⃣ กลิ่นของน้ำมันเครื่อง
หลายๆ คนที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจนรู้ดีว่ากลิ่นน้ำมันเครื่องนั้นเป็นยังไง บางคนอาจจะเช็กได้จากการดมกลิ่นเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าน้ำมันเครื่องของแท้นั้น กลิ่นจะแรงมากเพราะจะมีสารเคมีที่เยอะ แต่ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องปลอมสารเคมีจะไม่เยอะ เพราะฉะนั้นแแล้วกลิ่นน้ำมันเครื่องของปลอมจะกลิ่นไม่แรง
4️⃣ ตัวแทนจำหน่าย
ถ้าเป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าใหญ่ๆ คงไม่เอาชื่อเสียงเข้ามาเสี่ยงในการขายน้ำมันเครื่องปลอมแน่ๆ เพราะฉะนั้น ให้เลือกร้าน หรืออู่ที่เราจะนำรถยนต์ของเราเข้าไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ดี
🔺น้ำมันเครื่องมี 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่รถยนต์ เครื่องยนต์ และประเภทการใช้งาน
1️⃣ น้ำมันเครื่องธรรมดา (SYNTHETIC) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันปิโตรเลียม
🔺ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.
2️⃣ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (SEMI SYNTHETIC) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นธรรมดากับชนิดสังเคราะห์
🔺ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000 กม.
3️⃣ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (FULLY SYNTHETIC) ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์จากน้ำมันปิโตรเลียม
🔺ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.
⭕️ และนอกเหนือไปจากนี้ มีน้ำมันเครื่อง “ชนิดพิเศษ” ที่เหมาะกับรถบางประเภทอีกด้วย เช่น NGV, LPG & GASOLINE ซึ่งก็หมายความว่า สามารถใช้ได้ดีกว่าสำหรับรถที่ติดแก๊ส NGV และ LPG และขณะที่อีกบางประเภทจะเขียนกำกับเอาไว้บนกล่องน้ำมันเครื่องว่า HEAVY DUTY ซึ่งก็หมายความว่า ใช้ได้ดีสำหรับรถที่บรรทุกของหนัก
⭕️ แม้หลายคนอาจจะมองว่าแค่ซื้อไปใช้คงไม่มีอะไรมาก แต่หากไม่เช็คให้ดี คำว่าไม่เป็นไรๆ อาจจะสร้างปัญหาหนักให้ตามมาได้ง่ายๆ เพราะหากใช้ไม่ตรงประเภทของเครื่องยนต์ หรือเป็นของปลอม รับรองเรื่องยาว จะสิ้นเปลืองเงินค่าซ่อมรถมากกว่าเดิมครับ ⭕️⭕️⭕️