บัตรประชาชนของไทยประกอบไปด้วยเลข 13 หลัก ซึ่งแต่ละหลักมีความหมายเพื่อเป็นการแบ่งประชาชนให้ชัดเจน
⭕️ หลักที่ 1 หมายถึง ประเภทบุคคล มีทั้งหมด 8 ประเภท
ประเภทที่ 1 คือ เด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2527
ประเภทที่ 2 เด็กประเภทที่ 1 ที่แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลาภายใน 15 วัน หลังวันเกิด
ประเภทที่ 3 คือ คนไทยหรือคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527
ประเภทที่ 4 คือ คนไทยหรือคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว แต่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527
ประเภทที่ 5 คือ คนที่ได้รับอนุมัติให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกรณีตกสำรวจ
ประเภทที่ 6 คือ คนที่มาอาศัยอยู่ในไทยแต่ไม่ได้มีสัญชาติไทย เช่น ชาวเขาหรือชาวต่างชาติที่มาอยู่ชั่วคราว
ประเภทที่ 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ที่เกิดในไทย
ประเภทที่ 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหรือได้รับการแปลงเป็นสัญชาติไทย
บุคคลประเภทที่ 6 7 และ 8 จะมีแค่ทะเบียนประวัติเล่มสีเหลือง ไม่มีการออกบัตรประจำตัวประชาชนให้
⭕️ หลักที่ 2-3 หมายถึง จังหวัดที่อยู่
⭕️ หลักที่ 4-5 หมายถึง เขตหรืออำเภอในจังหวัดนั้นๆ
⭕️ หลักที่ 6-10 หมายถึง เลขประจำตัวในทะเบียนบ้านที่แต่ละเขตหรืออำเภอออกให้
⭕️ หลักที่ 11-12 หมายถึง ลำดับที่ของบุคคลที่จัดลำดับว่าเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ
⭕️ หลักที่ 13 เป็นตัวเลขตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 ตัวแรก
ตัวเลขหลังบัตรสำคัญขนาดไหน ❓❓
ด้านหลังบัตรมีชุดตัวเลข เรียกว่า Laser ID ซึ่งปัจจุบันภาครัฐ เช่น สรรพากร, ตำรวจ, กระทรวงฯ, กรมฯ ต่างๆ รวมถึงภาคการเงิน
บังคับใช้ Laser ID นี้ในการทำธุรกรรม ตรวจสอบ ยืนยันตัวตน ควบคู่กับเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เรียกว่า e-KYC (Electronic – Known
Your Client) ซึ่งในส่วนของเลขหลังบัตร หรือ “เลเซอร์ไอดี” นี้ ถ้าเราจะไปทำธุรกรรมออนไลน์ ผ่านแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับ “เงิน” หรือ “กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์” (Wallet) ต่างต้องใช้ทั้งหมด
ดังนั้น จะเห็นว่า นอกจาก “ข้อมูลหน้าบัตรประชาชน” ทั้ง ชื่อ นามสกุล รวมถึงวัน เดือน ปีเกิด รูปภาพใบหน้า และที่อยู่ของเรา จะสำคัญมาก หรือถ้าหลุดไปก็อันตรายมากพอแล้ว หาก ข้อมูล Laser ID ที่อยู่ด้านหลังบัตร
หลุดไปด้วย ยิ่งอันตรายเป็นทวีคูณ ไม่ต่างกันกับ “บัตรเครดิต” ที่หากเลขบัตรหลุดไปพร้อมกับ CVV หลังบัตร ก็จะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ง่าย
ดังนั้น ก่อนการเปิดเผยข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนแต่ละครั้ง เราควรหยุดคิดให้รอบคอบก่อนเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ใครได้รู้ เพราะมิจฉาชีพในปัจจุบันมีวิธีการฉ้อโกงหลอกลวงได้หลายวิธี อย่าหลงเชื่อกลลวง
และควรเก็บรหัสเหล่านี้ไว้เป็นความลับของตนเอง