118268531_2865001980397974_7270738470416631530_o

10 วิธีดูแลรถกระบะ เพื่อยืดอายุรถให้ยาวนานขึ้น

Sharing is caring!

รถกระบะจะมีความทนทานอย่างไรก็ตามหากขาดการดูแลรักษาที่ถูกต้องก็อาจทำให้มันมีสภาพและอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในยุคนี้ที่รถกระบะไม่ได้มีราคาถูกอีกต่อไป จึงไม่แปลกหากเจ้าของจะอยากทะนุถนอมมันมากเป็นพิเศษซึ่งเคล็ดลับนั้นก็ไม่ยากอย่างที่คิด
‍ วิธีที่จะทำให้รถกระบะคันเก่งยังคงสภาพดีเหมือนใหม่และอยู่กับเราไปได้นานขึ้น
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องตามระยะทางหรือเวลาที่ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายกำหนดไว้ในคู่มือการใช้งานประจำรถแต่ละรุ่น เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญมากเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้อยู่คู่กับรถของเราได้อย่างยาวนาน โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ทุกๆ 10,000กิโลเมตร หรือ 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและประเภทของน้ำมันเครื่องตามที่ผู้ผลิตกำหนดสำหรับรถแต่ละรุ่น หากใครที่ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องโดยตัวแทนศูนย์บริการควรศึกษาและใช้มาตรฐานของน้ำมันเครื่องให้ตรงตามที่กำหนดในคู่มือหรือสอบถามจากผู้ผลิตรถยนต์ได้โดยตรง
สลับยางตามระยะ
เพราะการหมุนของยางนั้นสำคัญมากซึ่งเรามักให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดเป็นอย่างแรกซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่การสลับยางนั้นจะทำให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอเพราะโดยทั่วไปนั้นล้อหน้าจะมีการสึกหรอที่มากกว่า (ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการขับขี่ด้วย) อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการสลับยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนดจะไม่ได้ช่วยยืดอายุการใช้งานให้มากขึ้น แต่ทำให้รถมีการขับขี่ราบ
เรียบมากกว่า อีกทั้งยังช่วยลดภาระการทำงานของระบบกันสะเทือนที่เกิดจากการสั่นของยางด้วย
รักษาโครงสร้างยางเพื่อรักษาความสมดุลของการหมุน
ขณะที่ล้อรถหมุนนั้นควรที่จะต้องมีความสมดุล เพราะยางที่สมดุลจะทำให้มีการกระจายน้ำหนักบนเพลา 2 ด้านนั้นเท่ากัน ทั้งนี้สภาพเส้นทางที่เป็นหลุมและบ่อ หรือการใช้งานแบบออฟโรดจะยิ่งทำให้ยางรถยนต์ขาดความสมดุลยิ่งขึ้น การที่ยางรถยนต์สูญเสียความสมดุลนั้นจะทำให้เกิดการสั่นขณะขับขี่บนถนน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ระบบกันสะเทือนมีอายุการใช้งานที่สั้นลง รวมถึงจะต้องเปลี่ยนยางใหม่เร็วขึ้นหากมีโครงสร้างยางเสียหาย
การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
การขับขี่บนเส้นทางขรุขระอย่างรุนแรงด้วยความเร็วสูงนั้นเสี่ยงที่จะทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากเดิมซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปแล้วจะทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นและมีการบังคับควบคุมที่แย่ลงการตั้งศูนย์ล้อให้ถูกต้องจะช่วยยืดอายุของระบบกันสะเทือนได้อีกวิธีหนึ่งด้วย นอกจากนี้ขณะขับขี่หากรถมีอาการกินซ้ายหรือขวาอาจเกิดได้จากลมยางที่ไม่เท่ากันหรือการบรรทุกที่เทลงบนด้านใดด้านหนึ่ง เพราะฉะนั้นควรตรวจเช็กลมยางให้มีแรงดันถูกต้องตามที่ผู้ผลิตกำหนดอย่างสม่ำเสมอ (กรณีที่ใช้ยางขนาดเดิมจากโรงงาน) และควรบรรทุกของอย่างระมัดระวังรวมถึงเฉลี่ยน้ำหนักให้เหมาะสม
ตรวจสอบระบบไฟ
อย่างน้อยเดือนละครั้งเราควรสละเวลาเพื่อตรวจเช็กรถเป็นประจำ หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรจะรีบดำเนินการทำการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามมากกว่าเดิมตัวอย่างเช่น ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารว่ายังทำงานหรือสว่างตามปกติหรือไม่ แสงไฟที่สว่างน้อยกว่าที่ควรจะเป็นอาจกำลังแสดงถึงความผิดปกติของระบบไฟฟ้ารวมถึงหากมีรอยไหม้เกิดขึ้นควรรีบตรวจสอบแก้ไขเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ควรพกฟิวส์ไว้เป็นอะไหล่สำรองในยามฉุกเฉิน
ตรวจสอบของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การเช็กระดับของเหลวให้อยู่ในปริมาณที่ถูกต้องและเหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่ควรทำ อย่างแรกคือการเช็กระดับน้ำมันเครื่องโดยทั่วไปสามารถวัดหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ (อุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติ) 1-5 นาที (หรือตามที่คู่มือประจำรถระบุ) ถัดมาก็คือระดับน้ำหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการโอเวอร์ฮีทของเครื่องยนต์ ในกรณีที่ระดับน้ำลดลงมากจนผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึม ถ้าหากจำเป็นต้องมีการเติมน้ำยาหล่อเย็นหรือคูลแลนท์ (Coolant) ควรใช้ให้ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ในคู่มือประจำรถ และสุดท้ายระดับน้ำล้างกระจกควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเช่นกัน
เครื่องยนต์ต้องการอากาศที่สะอาด
อากาศที่สะอาดคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับเครื่องยนต์ นั่นเป็นสาเหตุที่ต้องมีไส้กรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปสู่ห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ซึ่งไส้กรองอากาศนี้อาจเกิดการอุดตันได้ โดยปกติแล้วไส้กรองอากาศมักจะมีอายุการใช้งาน 20,000-40,000 กิโลเมตร (อาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตแต่ละรายและรถแต่ละรุ่น) หรืออาจมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเร็วกว่านั้นหากใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่นมากเป็นพิเศษ ซึ่งไส้กรองอากาศที่สะอาดนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ แต่ยังมีผลต่ออัตราเร่ง
และอัตราสิ้นเปลืองที่ดีด้วย
บำรุงรักษาตามลักษณะการใช้งาน
สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับการดูแลรักษารถกระบะแสนรักของเราในระยะยาวคือต้องเข้าใจว่าลักษณะการใช้งานนั้นเป็นอย่างไร เช่น ต้องบรรทุกของหนักอยู่ตลอดเวลา, วิ่งบนเส้นทางทุรกันดารเป็นประจำ, ใช้งานในเมือง หรือแม้แต่รถที่จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้ก็ตาม ทั้งนี้เพื่อการดูแลบำรุงรักษาและตรวจเช็กให้เหมาะสมตามลักษณะการใช้งาน (รวมถึงที่ไม่ได้ใช้ด้วยเช่นกัน) ซึ่งอาจแตกต่างกันไปเพราะการใช้งานบางประเภทนั้นต้องการบำรุงรักษามากเป็นพิเศษ เช่น การใช้งานรถในการจราจรที่ติดขัดมาก ๆ หรือทางที่มีฝุ่นเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่ารถไม่สามารถ บอกกับช่างได้ด้วยตัวเองผู้ใช้งานจึงต้องเป็นผู้ที่แจ้งให้ทราบถึงลักษณะการใช้งานเมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับการตรวจเช็กตามกำหนด
อย่าลืมตรวจเช็กตามกำหนด
ถ้ามีบางสิ่งที่สามารถช่วยให้รถกระบะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานได้มากที่สุดนั่นคือการอาศัยช่างที่ชำนาญไม่ว่าจะเป็นตัวแทนศูนย์บริการหรืออู่ทั่วไป ซึ่งช่างที่มีความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในการดูแลรักษารถกระบะของเราได้โดยตรง เปรียบเสมือนหมอประจำตัวที่จะสามารถช่วยแนะนำ ตรวจสอบ และวิเคราะห์ ลักษณะอาการทั้งก่อนหรือหลังเกิดความผิดปกติขึ้นกับรถคันเก่งของเราได้ เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ระยะการเปลี่ยนผ้าเบรก รวมถึงการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ก่อนที่จะเกิด
ปัญหาลุกลาม ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและทำให้รถกระบะของเรานั้นมีอายุการใช้งานในสภาพที่สมบูรณ์ได้นานยิ่งขึ้น
คู่มือประจำรถคือสิ่งสำคัญ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษารถกระบะคู่ใจของเราให้สามารถใช้งานได้ดีนั้นถูกแนะนำไว้ในคู่มือประจำรถตั้งแต่ออกมาจากโรงงานแล้ว ตั้งแต่การทำความสะอาด มาตรฐานน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ และของเหลวอื่น ๆ ที่เหมาะสม รวมถึงระยะเวลาการบำรุงรักษา ในคู่มือประจำรถแต่ละคันนั้นจะมีข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ที่หลายคนมองข้ามจนบางครั้งอาจทำให้เกิดการใช้งานและดูแลรักษาอย่างผิดวิธี ซึ่งล้วนแต่ส่งผลให้รถกระบะคันเก่งของเรานั้นโทรมเร็วกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย
//ขอบคุณข้อมูลจาก car.kapook.com//

Sharing is caring!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *