ปัจจุบันรถรุ่นใหม่ต่างหันไปใช้ไฟหน้า LED กันเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเปลี่ยนไปไม่มากนัก ก็คือไฟตัดหมอกแสงสีเหลือจากหลอดฮาโลเจน เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไฟหน้ารถยนต์ยุคใหม่ต้องใส่ไฟ LED มาเพื่อสร้างคุณค่ากับภาพลักษณ์เจ้าของรถ เพราะส่วนใหญ่แล้วไฟเหล่านี้มักอยู่ในรถรุ่นบนๆ แต่กับไฟตัดหมอกนั้น ถ้าสังเกตุจะพบว่าหลายคันยังคงใช้หลอดฮาโลเจนแสงสีเหลือง เหตุผลแท้จริงแล้วเพื่อลดต้นทุนหรืออะไรกันแน่❓
⚪️ เหตุผลที่บรรดาค่ายรถยนต์ชอบใช้ไฟหน้า LED แสงสีขาวนวลสุดสว่าง มีเหตุผลอยู่หลายประการ ได้แก่ ช่วยให้แสงสว่างในปริมาณมากกว่าหลอดฮาโลเจน กินกำลังไฟน้อย มีความทนทานไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย รวมถึงราคาอะไหล่ในปัจจุบันก็ไม่ได้แพงเหมือนเช่นสมัยก่อน
อย่างไรก็ตาม ไฟตัดหมอกบนรถส่วนใหญ่ยังคงเป็นหลอดฮาโลเจนแสงสีเหลือง ซึ่งผู้อ่านหลายคิดอาจคิดว่าทางบริษัทรถยนต์ต้องการลดต้นทุนการผลิต ถามว่านั่นเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าจริง… ทว่าอีกมุมหนึ่งเจ้าแสงเหลืองจากโคมตัดหมอกหลอดฮาโลเจนมีข้อดีที่น่าสนใจ
โดยปกติแล้วแสงสีเหลืองจะมีคลื่นความยาวแสง 550-580 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงที่สายตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด ต่างจากแสงจากไฟ LED ที่ออกมาในโทนสีฟ้าอันมีคลื่นความยาวแสง 470-500 นาโนเมตร จริงอยู่แสงขาวนั้นให้ความสว่างจากการสะท้อนกับวัตถุตกกระทบมากกว่า แต่กรณีที่มีหมอกลงจัดแสงสีขาวจะถูกดูดกลืนและสว่างจ้าโดยไอน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศ ต่างจากแสงสีเหลืองที่มีช่วงความยาวแสงกับอำนาจในการทะลุทะลวงสูงกว่า
สำหรับใครที่ได้รถใหม่พร้อมกับไฟตัดหมอก LED คุณสามารถหาครอบไฟสีเหลืองหรือแผ่นแปะโปร่งแสงสีเหลือง เพื่อเปลี่ยนแสงที่ออกมาจากขาวให้กลายเป็นเหลืองได้ เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะขับผ่านทางหมอกลงจัดหรือมีฝนตกหนักก็ตาม ⛈
//ขอบคุณข้อมูลจาก ridebuster.com//
