กรมสรรพสามิต เตรียมเก็บภาษีรถบิ๊กไบค์เพิ่ม ตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ดีเดย์ 1 ม.ค. 63 🏍🏍🏍
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ จากเดิมเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ มาเป็นเก็บตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่ง ครม. รัฐบาลที่ผ่านมาได้เห็นชอบตั้งแต่เดือน พ.ค. 2562 แล้ว แต่เมื่อมี ครม. จากรัฐบาลใหม่ กรมฯ จึงเสนอให้รับทราบอีกครั้ง โดยภาษีใหม่จะเริ่มเก็บกับรถที่นำออกจากโรงงาน หรือนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป
สำหรับอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ จะทำให้รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี ที่มีการใช้เป็นส่วนใหญ่ อยู่ที่ 90% ของรถทั้งหมดในประเทศ มีภาษีเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 100 กว่าบาทเท่านั้น เพราะจากเดิมเสียภาษีในอัตรา 2.5% มาเสียภาษี 3% ของราคาขายปลีก หรือราคานำเข้า
ขณะที่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี ขึ้นไป หรือ “บิ๊กไบค์” จะต้องเสียภาษีเพิ่มคันละประมาณ 1 แสนบาท
เนื่องจากกินน้ำมัน และมีการปล่อย CO2 มาก ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งบิ๊กไบค์ในประเทศไทยได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น
ในสัดส่วน 2-3%
นอกจากนี้ นายณัฐกร อุเทนสุต ยังระบุว่า มาตรการการเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามการปล่อย CO2 จะทำให้เกิดการประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยรถบิ๊กไบค์มีทั้งจากค่ายยุโรป และญี่ปุ่น
ซึ่งอาจจะมีการปรับเทคโนโลยีให้ทันสมัยเพื่อให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นน้อยลง แต่โดยรวมบิ๊กไบค์ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 1 แสนบาท
เพราะราคาต่อคันสูงกว่า 1 ล้านบาท แต่หากยังไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ จะส่งผลให้กรมสรรพสามิต เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปีละ 500-700 ล้านบาท
ทั้งนี้สำหรับอัตราภาษีใหม่ แบ่งตามปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนี้
1. ไม่เกิน 10 กรัม/กิโลเมตร เสียภาษี 1% (รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า-EV)
2. ระหว่าง 10 – 50 กรัม/กิโลเมตร เสียภาษี 3%
3. ระหว่าง 50 – 90 กรัม/กิโลเมตร เสียภาษี 6%
4. ระหว่าง 90 – 130 กรัม/กิโลเมตร เสียภาษี 9%
5. ตั้งแต่ 130 กรัม/กิโลเมตรขึ้นไป เสียภาษี 18%
//ขอบคุณข้อมูลจาก bltbangkok.com//