👨🔧 สนิมสามารถขึ้นได้หลายจุด เช่น รถเป็นจุดสนิม หม้อน้ำเป็นสนิม สนิมบางส่วนสามารถลุกลามไปจนถึงห้องเครื่อง และชิ้นส่วนต่างๆ จากผลการศึกษาในประเทศสวีเดนพบว่า เมื่อรถเกิดการกระแทกหรือรถเกิดอุบัติเหตุในขณะที่สนิมกัดกินลึกถึงเนื้อตัวถังไปแล้ว จะเป็นอันตรายอย่างมาก
สนิมเกิดจากอะไร❓❓❓
– สนิมเกิดจากส่วนที่ถูกกระแทก โดนขูดขีดจนเป็นรอย ทำให้ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กที่ไม่ได้เคลือบด้วยสีเป็นสนิม ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของธาตุเหล็กกับออกซิเจนโดยตัวการหลักคือ น้ำ ความชื้น และออกซิเจนในอากาศ เมื่อเหล็กได้รับความชื้น อิเล็กตรอนที่อยู่ในเหล็กจะเกิดการแตกตัวทำปฏิกิริยากับออกซิเจน จนทำให้เกิดสนิม ถ้าไม่ดูแล แก้ไข ก็อาจทำให้สนิมลุกลามไปส่วนอื่นได้ หากปล่อยให้สนิมลุกลามก็จะทำให้โครงสร้างของตัวถังเสื่อม และความสามารถในการปกป้องเมื่อเกิดการชนก็ลดลงด้วย 🌦💧☁️
🔍 3 จุดสังเกตที่ต้องหมั่นเช็กเพราะเกิดสนิมได้ง่าย
1. บานพับประตู จุดนี้เป็นจุดที่ความชื้นเข้าถึงง่าย เมื่อถูกสนิมกินมาก ๆ อาจจะทำให้บานพับประตูฉีก ส่งผลให้ตัวประตูตก เปิดปิดยาก จนทำให้หลุดเลยก็ได้
2. ฝากระโปรงหน้า รถเมื่อเปิดปิดบ่อยๆ จะทำให้เกิดการเสียดสีกับสารที่เคลือบสีป้องกันไว้ทำให้อะไหล่ผุพังได้ หรือถ้าเจอกับความชื้นก็ทำให้เกิดสนิมได้ง่ายเช่นเดียวกัน
3. ฝาถังน้ำมัน การเติมน้ำมันในปั๊มน้ำมันอาจจะทำให้เกิดการกระแทกหรือมีคราบน้ำมันติด ซึ่งคราบเป็นสารกัดกร่อนสาเหตุที่ทำให้เกิดสนิม
🔍 หากเจอสนิมต้องทำอย่างไร?
1. ใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาด
2. ให้สังเกตว่าจุดที่เป็นสนิมห่างจากตัวถังแค่ไหน ถ้าห่างมากให้ใช้กระดาษทรายขัด แนะนำให้ใช้กระดาษทรายเบอร์ 800 ขึ้นไป
3. เมื่อขัดสนิมจนหายแล้วให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดออกไป จากนั้นใช้น้ำมันหล่อลื่นหรือสเปรย์หล่อลื่นทาแล้วเช็ดอีกครั้ง แต่ห้ามใช้น้ำเปล่าล้างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดสนิมได้
4. ใช้จาระบีทาลงตรงจุดที่เราขัด
🚫 3 วิธีการป้องกันสนิม
1. พ่นกันสนิม เป็นวิธีการที่คนส่วนใหญ่เลือกทำกัน ส่วนวิธีการก็คือ พ่นสีรองพื้นทับ ต่อด้วยเคลือบผิวเหล็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กสัมผัสกับอากาศโดยตรง แต่วิธีนี้ผิวที่เคลือบนั้นมีโอกาศหลุดร่อนง่าย
2. ใช้แร่โลหะ เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถชะลอการเกิดสนิม
3. ใช้กระแสไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีการยืนยันว่าสามารถป้องกันได้ยาวนานกว่า 10 ปี วิธีการก็คือ ต้องติดตั้งเครื่องป้องกันสนิมเข้าไป เพิ่มความต่างศักดิ์ของเหล็กให้สูงกว่าบริเวณนั้นๆ เพื่อป้องกันการสูญเสียอิเล็คตรอนในอากาศ
//ขอบคุณข้อมูลจาก valvoline.co.th/auto.mthai.com//