🚗💥💥รถรุ่นใหม่ในปัจจุบันมีการทำเทคโนโลยีอย่าง Lean Burn มาใช้กับเครื่องยนต์สมัยใหม่ ที่ช่วยในเรื่องของกำลังความความเร็วแรง และการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และยังดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย Lean Burn คืออะไร❓
Lean Burn คือ เทคโนโลยีการเผาไหม้ที่ใช้เชื้อเพลิงน้อย อากาศปริมาณมากเพื่อให้การเผาไหม้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้มีกำลังอัดสูง และใช้การจ่ายน้ำมันน้อยลง ซึ่งการใช้ประสิทธิภาพจากการเผาไหม้ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังแรง 🔥🔥
Lean Burn ทำงานอย่างไร❓
แต่ก่อนที่ยังไม่มีการนำ Lean Burn มาใช้ เมื่อเครื่องยนต์มีการเผาไหม้ เชื้อเพลิงก็จะถูกเผา และผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(Co2), ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Co), ออกไซด์ของไนโตรเจน (Nox) และ น้ำ ซึ่งเป็นไอเสียอันตราย ก๊าซที่เป็นมลพิษ สาเหตุของควันดำ 🌪💧⚡️
🚫 การเอา Lean Burn มาใช้เพื่อลดการปล่อยไอเสียที่เป็นอันตราย ถูกพัฒนาให้ทำงานควบคู่ไปกับกระบอกสูบเครื่องยนต์มีลักษณะเป็นหัวฉีด เมื่อมีการปล่อยน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาเพียงฉีดเดียวก็จะทำให้จุดระเบิดพลังงานเผาไหม้นั้นทำงาน การควบคุมการเผาไหม้ได้ดีขึ้น และเผาไหม้เชื้อเพลิงภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยอัตราส่วนการเผาไหม้คือ 14.7:1 โดยตัวเลข 14.7 นี้เป็นอัตราส่วนของอากาศ ต่อ 1 กรัมของน้ำมันเชื้อเพลิง
⭐️ ข้อดีของ Lean Burn
เพราะการจุดระเบิดส่งผลให้มีกำลังแรงดันลูกสูบมากขึ้น แรงม้ามากขึ้น
ประหยัดน้ำมันไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
⚠️ ข้อเสียของ Lean Burn
หัวฉีดราคาแพง เพราะต้องทนความร้อนภายในห้องเผาไหม้ รวมถึงความเเม่นยำในการฉีดน้ำมันในทุกความเร็วรอบ
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลเครื่องยนต์คือระบบระบายความร้อน ต้องเช็กอย่างสม่ำเสมอทั้ง พัดลม วาล์ว ปั๊มน้ำ และหม้อน้ำ ซึ่งหม้อน้ำควรเช็กระดับน้ำในถังเป็นประจำ ถ้าให้ดีควรเติม น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) เพื่อดูแลหม้อน้ำได้ดีมากขึ้น และควรเลือก น้ำมันเครื่อง ที่มีมาตรฐานมีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด ยืดอายุการใช้งานได้นานกว่าเดิม สามารถช่วยลดการเกิดคราบเขม่าของเครื่องยนต์ ช่วยให้รอบเครื่องฟิตเต็มร้อย พร้อมใช้งานได้ทุกวัน
//ขอบคุณข้อมูลจาก valvoline.co.th //
