การสตาร์ทรถ อาจมีการพัฒนาไปถึงการสตาร์ทเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยปุ่ม Push Start กันแล้ว แต่ก็ยังมีรถยนต์อีกส่วนมากที่ยังใช้วิธีสตาร์ทด้วยกุญแจอยู่ หลายคนอาจมองว่าการ สตาร์ทรถ เป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องง่ายๆ แต่เราอยากบอกว่าเรื่องเล็กๆ ง่ายๆ หากคุณทำผิดวิธีบ่อยครั้ง มันจะรุกรามกลายเป็นเรื่องใหญ่ สร้างความเสียหายให้แก่รถได้ 💨💨💨💨💨 🔵 วิธีการสตาร์ทรถยนต์ที่ถูกต้อง ตอนสตาร์ทรถยนต์ถ้าเราลองบิดกุญแจช้าๆ จะพบว่า มันมีขั้นต่างๆ ประมาณ 3 ขั้น ด้วยกัน คือ ACC, ON และ START แต่ไม่ควรที่จะบิดกุญแจรวดเดียวเพื่อสตาร์ทรถยนต์ ซึ่งวิธีที่ถูกต้องมีดังนี้ 1️⃣ ตรวจสอบตำแหน่งเกียร์ ให้เช็กว่าอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างหรือไม่ สำหรับเกียร์ AUTO ให้เข้าเกียร์ที่ตำแหน่ง N หรือ P และควรเหยียบเบรกไว้ด้วย 2️⃣ ปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมด เช่น แอร์ และเครื่องเสียง เพื่อให้แบตเตอร์รี่มีกำลังไฟเต็มที่ในการจ่ายไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าในการสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้มอเตอร์สตาร์ทสึกหรอน้อยลง เช่นเดียวกับชิ้นส่วนการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกอาจจะต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ 3️⃣ บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON พอไฟหน้าปัดขึ้น […]
Author: adminclaimdi
ทำไมต้องตั้งศูนย์-ถ่วงล้อ และสัญญาณเตือนเมื่อควรตั้งศูนย์
🚘 “ตั้งศูนย์” คือการตั้งมุมต่าง ๆ ของล้อรถยนต์โดยเฉพาะล้อหน้า และในล้อหลังบางรุ่น ให้ถูกต้องตามค่าที่ผู้ผลิตกำหนดมาจากโรงงานเพื่อประโยชน์ในการขับขี่ที่สมดุล-เกาะถนน แล้วทำไมต้องตั้งล่ะ?ในเมื่อถูกกำหนดมาจากโรงงานแล้ว กล่าวคือเมื่อเราใช้รถมาเป็นเวลาหลายหมื่นกิโลเมตร ต้องประสบพบเจอกับสภาพถนน หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งการตกหลุมบ่อต่างๆ ย่อมบั่นทอนทำให้ ค่าของมุมล้อที่ถูกกำหนดมาจากโรงงาน ผิดเพี้ยนไปได้ จะมากหรือน้อยแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวแปรที่กล่าวไว้ข้างต้น มุมล้อหน้าที่ต้องตั้ง -มุมโท คือมุมที่จะช่วยให้รถวิ่งได้ตรง นิ่ง และสามารถควบคุมรถในทางตรงได้ง่าย เราสามารถสังเกต“มุมโท” ได้จาก ถ้าล้อหน้าซ้ายและขวาขนานกันนั้น “มุมโท” จะมีค่าเป็น “0” แต่ถ้า ด้านหน้าของล้อหุบและด้านหลังถ่างออกเรียกว่า “โทอิน” และในทางตรงข้ามถ้าด้านหน้าของล้อถ่างและด้านหลังหุบเข้าเรียกว่า “โทเอาต์” 🔸 “มุมแคสเตอร์” ในระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท จะเป็นมุมเอียงของโช้คอัพ และในระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนกสองชั้นจะเป็นมุมของคอม้า มีหน้าที่ ช่วยให้รถวิ่งตรง การหักเลี้ยวและคืนตัวของพวงมาลัยทำได้อย่างคล่องตัว สำหรับรถตลาดโดยทั่วไป 🔸 “มุมแคสเตอร์” จะกำหนดตายตัวไม่สามารถปรับตั้งได้ 🔸 “มุมแคมเบอร์” เป็นมุมเอียงจากแนวดิ่ง โดยถ้าล้อซ้ายและขวาขนานกันในแนวดิ่ง เรียกว่าค่า แคมเบอร์เป็น “0” แต่ถ้าล้อด้านบนถ่างออกและด้านล่างหุบเข้าเรียกว่า แคมเบอร์บวก ถ้าล้อด้านบนหุบเข้าและด้านล่างถ่างออกเรียกว่า แคมเบอร์ลบ […]
น้ำฉีดกระจกรถยนต์ ควรใช้แบบผสมน้ำยาหรือน้ำเปล่า
สำหรับคนที่ใช้รถยนต์อยู่ทุกวัน เรื่องของน้ำยาฉีดกระจกรถยนต์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรต้องใส่ใจตรวจสอบอยู่เสมอ เพราะในขณะที่อยู่บนท้องถนน เราอาจจะเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้กระจกหน้ารถสกปรก ไม่ว่าจะด้วยคราบฝุ่นโคลน ขี้นก คราบแมลง ซึ่งส่งผลต่อทัศนวิสัยและความปลอดภัย ขณะที่ผู้ขับขี่บางท่านอาจจะเคยได้ยินคำแนะนำมาบ้างว่า น้ำฉีดกระจกรถนั้นเราควรจะใช้น้ำแบบไหนดี บางสูตรบอกว่าใช้น้ำเปล่าดีที่สุด ขณะที่บางคนก็บอกว่าให้ผสมสารอย่าง สบู่ แชมพู หรือน้ำยาล้างรถลงไปด้วย ซึ่งก็อาจจะบอกได้เลยว่าไม่มีสูตรไหนถูกหรือผิด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประสบการณ์หรือความพอใจของแต่ละท่านมากกว่า และแน่นอนว่าการผสม หรือไม่ผสมอะไรย่อมให้ผลที่ต่างกันไป ⭕️ ใช้น้ำเปล่าก็พอ รถที่ไม่ได้ขับขี่ไปบนสภาพถนนที่เต็มไปด้วยโคลน หรือไม่ได้เลอะคราบฝังแน่นบนกระจกหน้า แน่นอนว่าการเติมน้ำฉีดกระจกโดยใช้น้ำเปล่าอย่างน้ำประปาก็เพียงพอสำหรับการทำความสะอาด แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่คุณภาพน้ำประปาไม่ค่อยดีนัก อาจจะต้องพิจารณาเลือกหาน้ำสะอาดจากแหล่งอื่นมาใช้แทน การใช้น้ำเปล่าสำหรับน้ำฉีดกระจกรถก็จะลดความเสี่ยงต่อการที่จะทำให้หัวพ่นตัน ท่อน้ำตัน หรือว่า ยางซีลรั่วซึมได้ ⭕️ น้ำเปล่าผสมน้ำยาล้างรถ หรือน้ำยาทำความสะอาดอื่น ๆ ส่วนกรณีที่ต้องการประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่ดีขึ้น การเพิ่มส่วนผสมบางอย่างนอกจากใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวก็สามารถทำได้ และสิ่งที่จะแนะนำเป็นอย่างแรกก็คือน้ำยาล้างรถ เนื่องจากน้ำยาล้างรถนั้นเป็นสิ่งที่ใช้สำหรับทำความสะอาดผิวรถและกระจกรถได้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะไม่ส่งผลทำให้ตัวรถเสียหาย ⭕️ ส่วนการผสมด้วยสารอื่น ๆ อย่าง แชมพู น้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาเช็ดกระจก ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้มีข้อควรระวังก็คือใน แชมพู หรือ ยาสระผมบางประเภทอาจจะมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดปัญหาหัวฉีดหรือท่อฉีดน้ำอุดตันได้ ฉะนั้นต้องย้ำว่าการผสมสารอื่น ๆ ทั้งหลายให้ใส่ในปริมาณน้อยเท่านั้น […]
ว่างงาน ประกันสังคม จ่ายเท่าไร ? ขอรับเงินทดแทน ได้อย่างไร ?
ว่างงาน ประกันสังคม จ่ายเท่าไร ❓ ขอรับเงินทดแทน ได้อย่างไร ❓ 🔵 ว่างงาน กรณีเลิกจ้าง รับเงินทดแทนว่างงาน ปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ตัวอย่าง ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเดือนละ 5,000 บาท 🔵 ว่างงาน กรณีลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลา รับเงินทดแทนว่างงาน ปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ตัวอย่าง ผู้ประกันตนมีเงินเดือนเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเดือนละ 3,000 บาท 🔵 […]
ไม่ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ จะมีโทษอะไรบ้าง ?
ไม่ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ จะมีโทษอะไรบ้าง ❓❓❓ อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า พ.ร.บ. รถยนต์ หรือ การทำประกันรถยนต์ภาคบังคับเป็นการทำประกันเพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ รวมทั้ง ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก ซึ่งมีอายุความคุ้มครองเพียง 1 ปี เมื่อ พ.ร.บ.หมดอายุ ก็ต้องทำการ ต่อพ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประจำทุกปี ซึ่งหากรถยนต์คันใดไม่มี พ.ร.บ. จะมีโทษปรับ และมีผลเสียต่างๆ ดังต่อไปนี้ 🔺 ผู้ใดนำรถยนต์ที่ไม่มี พ.ร.บ. รถยนต์มาใช้ขับขี่บนท้องถนน มีโทษปรับเป็นเงินไม่เกิน 10,000 บาท 🔺 รถยนต์ที่ไม่มี พ.ร.บ.รถยนต์ จะไม่สามารถ ต่อภาษีรถยนต์ หรือ ต่อทะเบียนรถยนต์ ประจำปีได้ 🔺 หากรถยนต์คันใดไม่ได้ต่อภาษีนานเกิน 3 ปี จะทำให้เลขทะเบียนรถยนต์ถูกระงับ พร้อมกับต้องเสียค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน 🔺 ผู้ประสบภัยจากรถจะไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. หากรถยนต์คันที่เกิดเหตุไม่มี พ.ร.บ. […]
สายพานดังเพราะอะไร?
สายพานทำหน้าที่อะไร ❓❓ สายพาน (Auto Belts) มีหน้าที่สำคัญคือการถ่ายทอดกำลังจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สำหรับในเครื่องยนต์จะถ่ายทอดกำลังจากพูเล่หน้าเครื่องเพื่อใช้กำลังไปขับเคลื่อนอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่วาจะเป็น ไดชาร์จ-คอมเพรสเซอร์แอร์ – ปั๊มน้ำ-ปั๊มเพาเวอร์-ฟรีปั๊ม ฯลฯ สายพานที่นิยมใช้ในรถยนต์ปัจจุบันส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะใช้สายพานสำหรับเครื่องยนต์อยู่ 3ชนิดได้แก่ ⭕️ สายพานแบบร่องตัวV (V-Belts) ส่วนใหญ่ใช้ขนาด 9.5 และ 12.5 ยกตัวอย่างเช่น 12.5 * 1250 หมายถึงสายพานเส้นนี้มีความกว้างของสันสายพานด้านนอก 12.5 มม.และมีความยาวรอบวงนอก 1250 มม. ⭕️ สายพานแบบร่อง V (V-Multi-Ribbed Belts)จะมีลักษณะแบนมีร่อง2-8 ร่อง ตัวอย่างเช่น 6PK 2150หมายถึงสายพานเส้นดังกล่าวมี 6ร่องฟัน และมีความยาวรอบวงนอก 2150 มม. ⭕️ สายพานแบบฟันเฟือง ซึ่งใช้ในสายพานไทม์มิ่ง สายพานดัง โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการลื่น เนื่องจากเมื่อผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งสายพานจะยืดตัวออก จนทำให้หน้าสัมผัสของสายพานไม่สามารถยึดเกาะกับพูเล่ได้ จึงเกิดเสียงดัง “เอี๊ยด ๆ”ขึ้น นอกจากนี้เสียงดังกล่าวยังอาจเกิดจากสายพาน […]
ขับมอเตอร์ไซค์หน้าฝน อย่างไรถึงจะปลอดภัย
เมื่อเข้าหน้าฝน สิ่งที่นักบิด 2 ล้อและไบค์เกอร์ทั้งหลายต้องเตรียมตัวในการขี่ มอเตอร์ไซค์ หน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัยจะมีเทคนิคและการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง และวิธีการขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมต้องปฏิบัติอย่างไรเราได้รวบรวมมาให้แล้ว ขับมอเตอร์ไซค์หน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย ❓❓ ตรวจเช็คความพร้อมของมอเตอร์ไซค์อย่างสม่ำเสมอ ยาง เบรก ของเหลว ระบบไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน หากมีชิ้นส่วนใดที่ไม่น่าไว้วางใจให้รีบเปลี่ยนทันที เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม หมวกกันน็อกควรเลือกหมวกที่มี windshield แบบปิดหน้าเพื่อการฝนสาดเข้าใบหน้าและดวงตาเวลาขับขี่และฉีดสเปรย์กันน้ำเพื่อไม่ให้ฝนเกาะด้วย เสื้อกันฝน จำเป็นต้องมีเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเปียกน้ำ เพราะเมื่อเสื้อผ้าเปียกแล้วฝืนขับ อาจทำให้ร่างกายหนาวเย็นส่งผลให้การตอบสนองในการขับขี่ช้าลง แผ่นพลาสติกกันน้ำ เชือกรัดของ เอาไว้ป้องกันสัมภาระไม่ให้เปียกน้ำ สติสำคัญที่สุด วิจารณญาณการตัดสินใจ มีสมาธิในการขับขี่ตลอดเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เทคนิคการขับมอเตอร์ไซค์หน้าฝน เราจะสังเกตเห็นว่าผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะหยุดขับทันทีที่ฝนตกและแวะหาจุดพักเพื่อรอให้ฝนซาลงก่อนจึงเดินทางต่อ แต่หากจำเป็นต้องขับลุยฝนจริง ๆ มีเทคนิคการขับมอเตอร์ไซค์ลุยฝนดังต่อไปนี้ ลดความเร็วในการขับจะช่วยลดอาการลื่นไถลได้มากขึ้น เพิ่มระยะห่างระหว่างมอเตอร์ไซค์ของเรากับรถคันหน้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุฉุกเฉิน เผื่อระยะการเบรกให้มากขึ้นเนื่องจากถนนเปียกทำให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนลดลง หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่ เพราะเราอาจดูไม่ออกว่าน้ำในแอ่งนั้น เป็นเพียงน้ำเกาะผิวถนนหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ แอ่งน้ำเล็ก ๆ อาจทำให้รถมีอาการเหิรน้ำได้ ส่วนหลุมน้ำขังอาจทำให้รถเสียหลักได้เช่นกัน กดเบรกหน้า-หลังพร้อมกันเสมอ เพราะจะช่วยให้รถทรงตัวได้ดีและมีระยะหยุดเร็วขึ้น ถ้าฝนหนัก ให้หาจุดแวะพักและหยุดขับทันที เพราะนอกจากทัศนวิสัยในการขับจะแย่แล้ว การควบคุมรถก็ยากมากด้วย เทคนิคการขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วม ตามความเป็นจริงแล้ว […]
ที่ปัดน้ำฝนดัง ไม่สะอาด เกิดจากสาเหตุอะไร?
เข้าหน้าฝนแล้ว ใบปัดน้ำฝนย่อมมีโอกาสถูกใช้งานได้บ่อยมากกว่าปกติ หากที่ปัดน้ำฝนดัง ไม่สะอาด ปัดแล้วสะดุด นอกจากจะน่ารำคาญแล้ว ที่สำคัญยังทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง หรือพูดง่ายๆ ว่ามองทางได้ไม่ชัด ซึ่งปัญหาเล็กน้อย “เป็นอันตรายมาก” แต่แก้ไขได้ง่าย เราลองมาดูกันว่าสาเหตุเหล่านี้เกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง เพื่อให้ขับรถได้อย่างปลอดภัยตลอดหน้าฝน ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ สาเหตุหลักที่ใบปัดน้ำฝน ปัดไม่สะอาด ส่วนใหญ่มาจากยางใบปัดเสื่อมสภาพ เนื้อยางจะแข็งตัว ไม่สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้ดี อีกทั้งยังส่งเสียงดังกว่ายางใหม่ที่มีความอ่อนนุ่มกว่า ทั้งนี้อาจเกิดจากอายุการใช้งาน รวมถึงสภาพแวดล้อม เช่น แสงแดด เศษฝุ่น ทำให้ขอบยางใบปัดไม่เรียบ ยางปัดน้ำฝนไม่ได้คุณภาพ หลายคนอาจเจอปัญหาเพิ่งเปลี่ยนยางใบปัดน้ำฝนมาใหม่ แต่ยังมีเสียงดังหรือปัดไม่สะอาด กรณีนี้อาจเกิดจากยางปัดน้ำฝนไม่ได้คุณภาพหรือเก่าเก็บจนเนื้อยางแข็งตัว แม้จะเป็นของใหม่ก็เกิดปัญหาได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ควรเห็นแก่ของราคาถูกจนเกินไปนักกระจกสกปรก แม้ดูใส ๆ ต้องขัด ในแต่ละวัน กระจกหน้ารถจะต้องผจญกับเศษฝุ่น เศษละอองต่าง ๆ ในอากาศ ซึ่งบางครั้งเราไม่ทันได้มองเห็น หรือสังเกตได้ยากด้วยตาเปล่า ส่งผลให้ผิวหน้ากระจกสกปรกหรือมีคราบฝังแน่นเกาะติดอยู่ เมื่อเปิดที่ปัดน้ำฝนแล้วจึงทำให้ปัดไม่สะอาด และถ้าหากคราบสกปรกแข็งตัวมาก กว่าจะอ่อนตัวหรือถูกปัดออกหมด ก็ทำลายยางใบปัดน้ำฝนไปแล้วด้วย บ่อยครั้งเข้าก็ทำให้ปัดไม่สะอาดในที่สุด ปัญหามาจากน้ำฉีดล้างกระจกหรือน้ำยาเช็ดกระจก การเติมน้ำยาที่ไม่ได้ถูกผลิตมาเพื่อล้างกระจกโดยเฉพาะ บางครั้งก็เป็นตัวการทำให้ใบปัดน้ำฝน ปัดแล้วสะดุด รวมถึงน้ำยาเคลือบกันน้ำเกาะกระจกที่ไม่ได้คุณภาพก็ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ไม่ควรนำน้ำยาขัดเคลือบรถมาขัดกระจก […]
อันตราย!!ล้อฟรีหน้าฝน วิธีเช็กเบรกให้พร้อมก่อนเดินทาง
🌧⛈ “ฤดูฝน” เป็นช่วงที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าปกติ จากทัศนวิสัยที่ไม่ค่อยดี และถนนที่เปียกลื่น ทำให้ต้องควบคุมรถอย่างระมัดระวังมากขึ้นเท่าตัว ดังนั้นทุกคนควรเช็กการทำงานของรถให้ดีก่อนออกเดินทางทุกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องเบรกที่ต้องสังเกตบ่อย ๆ เพราะเป็นส่วนที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ๆ แต่จะมีวิธีเช็กยังไงบ้าง? Step 1️⃣ : เริ่มจากการเช็กผ้าเบรก ควรเช็กและสังเกตปริมาณผ้าเบรกเบื้องต้น ซึ่งมีอยู่หลายวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้ 🔻สังเกตเวลาเหยียบเบรก หากต้องเหยียบลึกมากกว่าปกติ หรือเหยียบแล้วรถยังไม่ชะลอต้องเหยียบย้ำหลายครั้ง เป็นสัญญาณชี้ชัด ว่าผ้าเบรกเหลือน้อย 🔻ดึงเบรกมือสูงขึ้นกว่าปกติ หากต้องดึงเบรกมือสูงขึ้นกว่าทุกครั้ง นั่นหมายความว่าผ้าเบรกอาจพร่องลงไป หรือมีปัญหาเรื่องการรั่วซึมของน้ำมันเบรก ควรรีบเข้าศูนย์บริการทันทีเพื่อความปลอดภัย 🔻สังเกตไฟเตือนบนหน้าปัด ไฟเตือนจะขึ้นเมื่อส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเบรกเกิดความผิดปกติ เช่น ผ้าเบรกเหลือน้อยกว่ากำหนด น้ำมันเบรกขาด หรือสายน้ำมันเบรกรั่ว หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเป็นอันตราย แนะนำให้รีบเข้าศูนย์บริการทันที Step 2️⃣ : เช็กน้ำมันเบรก 🔻น้ำมันเบรกมีความเกี่ยวเนื่องกันโดยตรง ยิ่งผ้าเบรกพร่องลงไปเท่าไหร่ น้ำมันเบรกก็จะลดลงตามไปด้วย เพราะลูกสูบในคาร์ลิปเปอร์เบรกจะดันผ้าเบรกที่บางลงให้จับจานเบรกได้แน่นขึ้น ทำให้น้ำมันเบรกถูกใช้งานไป เราสามารถเช็กน้ำมันเบรกได้ง่าย ๆ จากใต้ฝากระโปรง โดยสังเกตที่กระปุกน้ำมันเบรก ถ้าพึ่งเติมจะอยู่ในระดับที่คำว่า Max แต่ถ้าน้ำมันเบรกลดลง […]
เช็ดคราบขี้นกอย่างไร ไม่ให้สีรถไม่ถลอก ไม่เกิดรอยด่าง
‼️ ปัญหาหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือ การที่รถต้องมาเลอะสกปรกเพราะนกขี้ใส่รถ ซึ่งต้องบอกว่านี่คือปัญหา ไม่ว่าคุณจะขับรถถูกหรือแพงก็มีสิทธิ์จะโดนเจ้านกตัวน้อยปล่อยของใส่ได้เหมือนกัน และในเมื่อเรื่องของขี้นกถือเป็นปัญหาที่แทบจะไม่มีทางป้องกันได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือการทำความสะอาดรถอย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้สีรถเกิดความเสียหายได้ ทั้งนี้ขี้นกหรือมูลของนกนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กแต่ก็ถือว่าต้องใส่ใจเช่นกัน เมื่อรถมีคราบเลอะจากขี้นก สิ่งที่ควรทำอย่างแรกเลยก็คือรีบล้างออกให้เร็วที่สุด ทว่าการความสะอาดแบบไม่ระวังก็อาจจะทำให้เกิดรอยถลอกหรือรอยขนแมวกับรถได้ เนื่องจากในของเสียที่นกปล่อยออกมา รวมถึงบนตัวรถเองอาจจะมีฝุ่นละอองปนอยู่ และในขณะเดียวกันการปล่อยให้ ขี้นกแห้งอยู่บนตัวรถ หรือทิ้งไว้นาน ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเช่นกัน เพราะขี้นกอาจมีความเป็นกรดหรือด่างสูง ซึ่งจะส่งผลให้ชั้นเคลือบผิวสีรถของคุณเกิดความเสียหายได้ วิธีทำความสะอาดขี้นกที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ของคุณนั้นควรทำอย่างไร ? รวมวิธีเช็ดขี้นกอย่างถูกต้องไม่ทำให้สีรถถลอก ใช้ผ้าเปียก วิธีเบื้องต้นที่สุดก็คือ การใช้ผ้าชุดน้ำแล้วค่อยนำไปเช็ดรถ ซึ่งจะทำให้ขี้นกที่แห้งแข็งติดอยู่ละลายน้ำและอ่อนตัวลงแน่นอนว่าผ้าที่ใช้ควรเป็นผ้านุ่มอย่างเช่นผ้าไมโครไฟเบอร์ โดยอาจจะแช่ผ้าไมโครไฟเบอร์ในน้ำยาทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับรถยนต์ จากนั้นทิ้งผ้าไว้บนคราบเปื้อนเป็นเวลา 15 นาที แล้วค่อย ๆ ถูมันออกไป เมื่อคุณทำความสะอาดมูลนกทั้งหมดแล้วขั้นตอนต่อไปคือทำให้สีรถเรียบขึ้นด้วยการลูบดินน้ำมัน Clay Bar เพื่อปรับสภาพผิวสีรถยนต์ให้เนียน และลื่น รวมถึงจะช่วยขจัดคราบที่ติดตามสีรถเพื่อให้รถสะอาดขึ้นอีกด้วย ใช้โซดาผสมน้ำ ขี้นกนั้นสามารถเช็ดออกได้อย่างง่ายดายด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ และน้ำโซดา ปฏิกิริยาของคาร์บอเนตจากโซดาจะช่วยในการย่อยสลายคุณสมบัติที่เป็นกรดของมูลนก เพียงแค่สาดน้ำโซดาลงบนพื้นผิวที่มีขี้นก และทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นค่อย ๆ เช็ดออกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้ โคล่า น้ำอัดลม หรือโซดาหวานเป็นทางเลือก […]